สำนักงานใหญ่
สำนักงานใหญ่
Direct Line
(+66) 2-960-0136-7 Fax: (+66) 2-960-0248 Mon - Fri 08:30 - 17:30
สำนักงานใหญ่
สำนักงานใหญ่
Direct Line
(+66) 2-960-0136-7 Fax: (+66) 2-960-0248 Mon - Fri 08:30 - 17:30
นำเข้าและจัดจำหน่าย
CNC Machines
ให้คำปรึกษาด้านเทคนิค
ด้วยทีมงานมากประสบการณ์
บริการหลังการขาย
ติดตั้ง อบรม ซ่อมแซม
สอบถาม | Inquiry
อัปเดตตลาดก่อสร้าง 2025

จากการเข้าร่วมสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “อัปเดตตลาดก่อสร้างในประเทศไทย ปี 2025” โดย BCT Expo 2025 ได้รับความรู้และข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแนวโน้ม อุปสรรค และทิศทางของอุตสาหกรรมก่อสร้างในประเทศไทย 

เริ่มการบรรยายโดยคุณกัญญารัตน์ กาญจนวิสุทธิ์ นักวิเคราะห์อาวุโส จากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC)ในหัวข้อแนวโน้มตลาดก่อสร้าง โครงการโครงสร้างพื้นฐาน พาณิชยกรรม และอุตสาหกรรมที่สำคัญในประเทศไทย ปี 2025 ทำให้ทราบถึงแนวโน้มและความท้าทายในภาคธุรกิจก่อสร้างปี 2024–2025 ครอบคลุมทั้งการก่อสร้างของทางภาครัฐและเอกชน รวมถึงความท้าทายสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในธุรกิจก่อสร้าง โดยมีประเด็นหลักดังนี้:

1. ภาคก่อสร้างภาครัฐ: มีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลดีต่อการขยายโครงการก่อสร้างใหม่ ๆ โดยเฉพาะในโครงการ Mega project เช่น โครงการรถไฟทางคู่ เฟส 2 ช่วงขอนแก่น-หนองคาย และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว อาทิ รันเวย์ที่ 2 สนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ทางพิเศษ จ.ภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง อาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออก เป็นต้น ซึ่งคาดการณ์ว่าแนวโน้มการลงทุนจากหน่วยงานภาครัฐจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคก่อสร้างได้อย่างต่อเนื่อง

มูลค่าการก่อสร้างภาครัฐ

2. ภาคก่อสร้างภาคเอกชน: คาดการณ์ว่ามูลค่าการก่อสร้างในปี  2025 จะเติบโตเพียงเล็กน้อยราวๆ 1% เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยยังคงอยู่ในสภาวะซบเซา อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ยังคงขยายตัว โดยเฉพาะโครงการอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกที่มีความต้องการสูงขึ้น ซึ่งช่วยประคองการขยายตัวของภาคเอกชนในส่วนนี้

คาดการณ์มูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชน
การเติบโตของอุตสาหกรรมก่อสร้างในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

3. ต้นทุนก่อสร้าง: แม้ว่าราคาวัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็กและปูน จะมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น แต่ราคายังคงสูงเมื่อเทียบกับอดีต ซึ่งเป็นภาระสำหรับผู้ประกอบการ นอกจากต้นทุนวัสดุแล้ว ต้นทุนจากการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานก็ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผู้ประกอบการต้องรับมือ

แนวโน้มราคาวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น
ต้นทุนจากการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน

4. ภาวะ Over Supply: ปัญหาสินค้าคงค้างในตลาดที่อยู่อาศัยและอาคารสำนักงานกำลังสูงขึ้น ผู้ประกอบการอาจต้องเลื่อนหรือชะลอการเปิดโครงการใหม่ เนื่องจากความต้องการในตลาดไม่เติบโตตามอัตราการก่อสร้าง

ภาวะ oversupply ของภาคอสังหาริมทรัพย์

5. การปรับตัวด้านสิ่งแวดล้อม: แนวโน้มการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคก่อสร้างเป็นประเด็นสำคัญ ผู้ประกอบการต้องมองหาโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง และปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม

การปรับตัวด้านสิ่งแวดล้อม

ถัดมาทางคุณภัทรพงศ์ สุภัทรนัต สถาปนิกชำนาญการพิเศษทางสำนักผังเมืองรวม กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้เข้ามาพูดในหัวข้อ การเติบโตของเมืองและการขยายตัวของเมืองรอง โดยได้สรุปเนื้อเกี่ยวกับ พระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2562 ซึ่งเน้นไปที่การวางแผนผังเมืองให้ครอบคลุมทั่วประเทศไทยและการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนและเป็นระเบียบ ดังนี้:

1. พระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2562: พระราชบัญญัตินี้มุ่งเน้นการจัดระเบียบพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินในประเทศไทย โดยแบ่งออกเป็น “ผังนโยบาย” สำหรับระดับประเทศ ภาค และจังหวัด และ “ผังปฏิบัติการ” เช่น ผังเมืองรวมจังหวัดและชุมชน เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม นอกจากนี้ยังส่งเสริมการกระจายอำนาจการบริหารจัดการให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

2. การเพิ่มองค์ประกอบของผังเมือง: ผังเมืองใหม่นี้เพิ่มองค์ประกอบต่างๆ เช่น ผังที่โล่ง ผังทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผังน้ำ ซึ่งรวมถึงการจัดการน้ำในพื้นที่ โดยการประกาศใช้จะครอบคลุมพื้นที่ทุกจังหวัด และในระดับชุมชนตั้งเป้าหมายให้ครอบคลุม 878 อำเภอทั่วประเทศ

การจัดรูปที่ดินและการบริหารโครงสร้างพื้นฐาน

3. การจัดรูปที่ดินและการบริหารโครงสร้างพื้นฐาน: มีการกำหนดแผนผังที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานและสารสาธารณูปโภค รวมถึงโครงการจัดรูปที่ดินสำหรับการพัฒนาถนนตามแผนผัง เพื่อช่วยให้การวางแผนผังเมืองรวมสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. ความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชน: ประชาชนและภาคธุรกิจมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาผังเมือง โดยจะต้องเข้าร่วมประชุมแสดงความคิดเห็นในขั้นตอนต่างๆ โดยเฉพาะในขั้นตอนที่สาม ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมจะมีสิทธิ์ในการยื่นคำร้องขอเปลี่ยนแปลงผังเมืองในภายหลังได้

การจัดรูปที่ดินและการบริหารโครงสร้างพื้นฐาน

3. การจัดรูปที่ดินและการบริหารโครงสร้างพื้นฐาน: มีการกำหนดแผนผังที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานและสารสาธารณูปโภค รวมถึงโครงการจัดรูปที่ดินสำหรับการพัฒนาถนนตามแผนผัง เพื่อช่วยให้การวางแผนผังเมืองรวมสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. ความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชน: ประชาชนและภาคธุรกิจมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาผังเมือง โดยจะต้องเข้าร่วมประชุมแสดงความคิดเห็นในขั้นตอนต่างๆ โดยเฉพาะในขั้นตอนที่สาม ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมจะมีสิทธิ์ในการยื่นคำร้องขอเปลี่ยนแปลงผังเมืองในภายหลังได้

ขั้นตอนการวางและจัดทำผังเมืองรวม

5. การควบคุมความหนาแน่นของอาคาร: พระราชบัญญัตินี้ยังนำมาตรการควบคุมความหนาแน่นอาคารมาใช้ เช่น ค่า FAR (Floor Area Ratio) และ BCR (Building Coverage Ratio) เพื่อให้การพัฒนาอาคารและพื้นที่ในเมืองเป็นไปอย่างเหมาะสม ลดความแออัดในเมือง

องค์ประกอบผังเมืองรวม

6. การพัฒนาเมืองรองและการขยายตัวของเมือง: แนวโน้มการขยายตัวของเมืองหลักและเมืองรองมีความชัดเจน โดยการพัฒนาตามผังเมืองจะพิจารณาทิศทางการเติบโตและการใช้ประโยชน์ที่ดิน เช่น เมืองสกลนคร ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามแผนพัฒนา และเมืองราชบุรีที่ได้รับอิทธิพลจากโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ เช่น ทางพิเศษและรถไฟความเร็วสูง(กรุงเทพฯ-หัวหิน) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 (ช่วงนครปฐม-ชุมพร)  โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายนครปฐม-ชะอำ (M8) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) ที่ช่วยให้การขยายตัวของเมืองรวดเร็วขึ้น

การขยายตัวของเมืองรอง
แผนพัฒนาจากการขยายตัวของเมื่อรอง จ.ราชบุรี

6. การพัฒนาเมืองรองและการขยายตัวของเมือง: แนวโน้มการขยายตัวของเมืองหลักและเมืองรองมีความชัดเจน โดยการพัฒนาตามผังเมืองจะพิจารณาทิศทางการเติบโตและการใช้ประโยชน์ที่ดิน เช่น เมืองสกลนคร ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามแผนพัฒนา และเมืองราชบุรีที่ได้รับอิทธิพลจากโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ เช่น ทางพิเศษและรถไฟความเร็วสูง(กรุงเทพฯ-หัวหิน) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 (ช่วงนครปฐม-ชุมพร)  โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายนครปฐม-ชะอำ (M8) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) ที่ช่วยให้การขยายตัวของเมืองรวดเร็วขึ้น

7.การให้ความสำคัญกับภาคธุรกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืน: การจัดประชุมร่วมกับภาคธุรกิจ เช่น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นในการกำหนดทิศทางการพัฒนาเมือง ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การวางผังเมืองมีทิศทางที่ตรงกับความต้องการในพื้นที่

อัปเดตตลาดก่อสร้างในประเทศไทย ปี 2025

สำหรับหัวข้อสุดท้ายเป็นการบรรยายถึงหัวข้อ  อัปเดตตลาดก่อสร้างในประเทศไทย ปี 2025 โดย คุณปณิธาน เทพนิกร CEO, RITTA Holdings & CO-CEO, RITTA บริษัท ฤทธา จำกัด ได้เน้นถึงสถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตของอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในปี 2025 ที่จะมาถึง โดยมีประเด็นหลักดังนี้:

1. การเติบโตของตลาด: ตลาดก่อสร้างยังคงมีโอกาสเติบโตด้วยการลงทุนจากต่างประเทศที่มองเห็นศักยภาพของประเทศไทย ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานและการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐ เช่น สิทธิประโยชน์จาก BOI ที่ช่วยดึงดูดการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่

2. ความท้าทายของอุตสาหกรรม: การแข่งขันในตลาดก่อสร้างนั้นสูงขึ้น โดยเฉพาะด้านราคาวัสดุก่อสร้างที่ยังคงมีราคาสูงหลังการฟื้นตัวจากโควิด ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต้องบริหารจัดการต้นทุนอย่างระมัดระวัง นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากการล่าช้าของงบประมาณภาครัฐ และการฟื้นตัวที่ยังคงชะลอตัวในภาคอสังหาริมทรัพย์

3. แนวโน้มการลงทุนจากต่างประเทศ: บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในหลายๆ ด้าน เช่น Data Center, โรงงานผลิต EV และ Semiconductor ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยสร้างงานให้กับคนไทย และยังสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

แนวโน้มการลงทุนดาด้าเซ็นเตอร์

4. การนำเทคโนโลยีมาใช้: บริษัทก่อสร้างหลายแห่งเริ่มนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการทำงาน เช่น ระบบพรีแคสต์ (Precast) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการก่อสร้าง ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ และช่วยลดต้นทุนในระยะยาว อีกทั้งยังมีการใช้ซอฟต์แวร์ BIM ที่ช่วยจำลองงานก่อสร้างล่วงหน้า ลดปัญหาการชนกันของโครงสร้างและระบบต่างๆ ก่อนลงมือก่อสร้างจริง

นวัตกรรมภาคการก่อสร้าง

5. ความยั่งยืนและ ESG: ในระดับสากลมีการเน้นความสำคัญในเรื่อง ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) ซึ่งบริษัทก่อสร้างต้องปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน เช่น การใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการขยะจากการก่อสร้าง

จากสัมมนาออนไลน์ ที่จัดขึ้นโดยBCT ในครั้งนี้ ทำให้พบว่าในปี 2025 อุตสาหกรรมก่อสร้างไทยมีแนวโน้มเติบโตจากโครงการเมกะโปรเจคของภาครัฐ เช่น รถไฟฟ้าและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเปิดโอกาสให้บริษัทก่อสร้างที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดที่สูงขึ้น การใช้เครื่องจักรอัตโนมัติจึงเป็นทางเลือกสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการใช้แรงงาน และควบคุมคุณภาพงาน โดยเครื่องจักรอัตโนมัติจากกรุ๊ป วิศวภัณฑ์ เช่น เครื่องอัดท่อคอนกรีต เครื่องอัดแผ่นปูทางเท้า เครื่องอัดอิฐบล็อก สามารถช่วยลดต้นทุนระยะยาว ลดระยะเวลาในการผลิต และเพิ่มความแม่นยำในการผลิต พร้อมรองรับความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปในเมืองรองที่ขยายตัวตามแผนพัฒนาของรัฐ  นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติในงานก่อสร้างยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในงาน 

หากคุณกำลังมองหาเครื่องจักรอัตโนมัติ สำหรับอุตสาหกรรมคอนกรีตสำเร็จรูปที่มีประสิทธิภาพสูง
ติดต่อ กรุ๊ป วิศวภัณฑ์ เพื่อค้นหาเครื่องจักรที่เหมาะสมกับโครงการของคุณ

สำนักงาน:
02-960-0136

📲 ฝ่ายขาย:
089-666-2540

✉ E-mail:
info@groupcor.com

🟩 Line OA:
@groupcor

About the author

error: Content is protected !!